แก้เผ็ดหรือโกรธแค้น เจาะ 5 ข้อความสำคัญ แมนซิตี้ ปะทะ เชลซี นัดหมายชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก

แก้เผ็ดหรือโกรธแค้น

แก้เผ็ดหรือโกรธแค้น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้โอกาสได้แก้ตัวกับ โธมัส ทูเคิ่ล ผู้จัดการทีมเชลซีอีกรอบ

แก้เผ็ดหรือโกรธแค้น ข้างหลังเคยแพ้มาแล้ว 2 แมตช์ในช่วงฤดูกาลนี้ แม้กระนั้นคราวนี้เป็นเกมที่สำคัญมากๆด้วยเหตุว่าผู้ใดกันปราชัยโน่นซึ่งก็คือการจะต้องน้ำตาหล่นเป็นไปได้แค่เพียงพระรองในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูนี้ ผลงานของ “เรือใบสีฟ้า” กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” จำต้องพูดว่าสะดุดตาอย่างยิ่ง

โดยยิ่งไปกว่านั้นฝ่ายหลังที่ตั้งแต่แมื่อได้ ทูเคิ่ล เข้ามาจับบังเหียน กลุ่มโชว์ฟอร์มได้อย่างดุเดือด จนกระทั่งสามารถจบฤดูกาลด้วยชั้นท็อปโฟร์ พร้อมเข้ารอบชิงถ้วยใบโตยุโรป สำหรับแมตช์นี้จะร้องเพลงเพลงลำแข้งที่สนาม เอสตาดิโอ โด ดราเกา ในประเทศประเทศโปรตุเกส

และก็คอลูกหนังคงจะได้มองเห็นแท็กติกที่สุดเฉียบคมของทั้งคู่ผู้จัดการทีมฟุตบอล เพื่อชิงโทรฟี่ “หูกาง” รวมทั้งนำกลับไปตั้งโชว์ในสมาคมตนเอง ไม่มีหน้าเป้าก็มันได้ จะต้องเห็นด้วยว่าอีกทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รวมทั้ง เชลซี เป็นสองสมาคมซึ่งสามารถใช้ผู้เล่นตำแหน่งอื่นขึ้นมาทำคะแนน หรือยืนเป็นกองหน้าได้อย่างสบายๆโดยที่พวกเขาไม่จำเป็นที่จะต้องใช้หัวหอกขนานแท้ปฏิบัติหน้าที่จ่ายบอลเข้าไปซุกตูดตาข่าย

สำหรับกองทัพ “เรือใบสีฟ้า” เคยชินกับการใช้การเล่น “ฟอลส์ไนน์” อยู่แล้ว เนื่องจากมีหลายเกมที่พวกเขาจับหน้าเป้าอย่าง เซร์คิโอ อเกวโร่ แล้วก็ กาเบรียล เชซุส นั่งตบยุงอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรอง โดยเลือกใช้ เควิน เดอ บรอยน์ กับ แบร์นาโด้ ซิลวา หรือบางครั้งบางคราวก็ดัน ฟิล โฟเด้น กับ ราฮีม สเตอร์ลิง ปฏิบัติภารกิจเป็นกองหน้าตัวหลอก

แท็กติกอย่างงี้ไม่ใช่ทีแรกที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ประยุกต์ใช้ เนื่องจากว่าที่ผ่านมาเขาก็ทำเป็นประจำยุคที่จับบังเหียน “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า เพียงเจ้าตัวยังไม่เคยนำกลุ่มที่ใช้ระบบนี้แล้วนักฟุตบอลสามารถช่วยเหลือกันทำประตูได้มากเช่นเดียวกับที่ แมนฯ ซิตี้ ทำเป็นในช่วงฤดูกาล 2020/2021 ผลบอลสด

ระหว่างที่ เชลซี มีความน่าจะเป็นเหมือนกันที่จะเริ่มเกมนี้ด้วยการใช้แนวทาง “ฟอลส์ไนน์” ถึงแม้ โธมัส ทูเคิ่ล บางครั้งก็อาจจะเลือกส่ง ติโม แวร์เนอร์ เป็นตัวจริงแม้กระนั้นก็น่าจะให้นักฟุตบอลยืนลึก หรือไม่ก็ขยับไปเล่นทางฝั่งซ้าย โดยบางทีอาจใช้ เมสัน เมาท์ กับ คริสเตียน พูลิสิช หรือ ไค ฮาแวร์ทซ์

ซึ่งทั้งยัง 3 คนเป็นผู้เล่นกองกลางตัวรุก ยืนเป็นแถวรุกให้กับ “สิงห์บลูส์” คาดว่าเกมนี้จะเป็นการวัดกันที่ดินแดนกึ่งกลาง รวมทั้งเป็นการแย่งชิงจังหวะการเล่น และการหาพื้นที่ว่างสำหรับการจ่ายบอลให้แนวรุกทำแต้ม กระนั้นจุดแข็งของ เชลซี ก็คือการเล่นสวนกลับ ถ้าหากพวกเขาทำเป็นเสมือน 2 เกมที่พบกับ แมนฯ ซิตี้ งานนี้สาวก “สิงโตน้ำเงินคราม” บางทีอาจได้เฮอย่างยิ่งจริงๆ

เดอบรอยน์นำกองทัพ

แก้เผ็ดหรือโกรธแค้น ถึงเวลา 2 ดาวรุ่งโชว์ของ

ตอนก่อนหน้าที่ผ่านมามีการกล่าวถึงสองดาวรุ่งฟอร์มแรงเป็นอย่างมากในช่วงฤดูกาลนี้มันก็คือ ฟิล โฟเด้น กับ เมสัน เมาท์ ซึ่งแน่ๆว่าถ้าเกิดทั้งสองไม่มีปัญหาเจ็บ คงจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมนัดหมายชิงถ้วยใบโตยุโรปวันเสาร์นี้ โฟเด้น กำเนิดและก็เติบโตในฐานะเด็กแคว้นแล้วก็เจ้าตัวจะอายุครบ 21 ปีเมื่อวันศุกร์ก่อนหน้านี้

แปลงเป็นสตาร์สามคนสำคัญในแนวรุกของ แมนฯ ซิตี้ ฤดูนี้ โดย “เป๊ป” ชอบใช้งานเขามากยิ่งกว่า สเตอร์ลิง เพราะเหตุว่าชื่นชอบการเล่นที่ดุเดือด ใจป้ำ รวมทั้งพร้อมวิ่งทะลุผ่านไม่กลัวคู่แข่งขัน ที่สำคัญในเกมใหญ่ๆโฟเด้น พร้อมวิ่งฉุดกระชากลากเลื้อยเข้าไปทำคะแนนได้เสมอๆระหว่างที่ เมาท์ วัย 22 ปี

เป็นนักฟุตบอลซึ่งสามารถแสดงความสามารถได้อย่างยอดเยี่ยมกระทั่งยึดตำแหน่งตัวจริงของ เชลซี ได้เสร็จ ถึงแม้สังกัดเดิมจะทุ่มเงินตอนซัมเมอร์ก่อนหน้าที่ผ่านมาไปมากมายก่ายกองกว่า 200 ล้านปอนด์ (ราว 7,600 ล้านบาท) สำหรับเพื่อการเสริมเกมรุก แต่ว่า เมาท์ สามารถแทรกสอดเข้ามาอยู่ในกลุ่ม และก็เป็นผู้เล่นคีย์แมนด้วย ประสิทธิภาพของ เมาท์ จะต้องบอกเลยว่ามีความหลากหลายมากมายๆ อีกทั้งการเล่นลูกฟรีคิกที่เฉียบคม และก็การคอยสร้างสรรค์เกม ดูบอลสด

รวมถึงการเชื่อเกมระหว่างแผงกองกลางกับแนวรุก ซึ่งสิ่งพวกนี้เจ้าตัวทำเป็นอย่างดีเยี่ยม และก็นี่เป็นข้อดีสำคัญที่ทำให้ เชลซี ได้โอกาสปราบ แมนฯ ซิตี้ ได้อีกรอบ ไม่ว่าผลที่เกิดจากการแข่งขันในแมตช์นี้จะออกมาเป็นเยี่ยงไรก็ตาม แม้กระนั้นผู้ที่จะได้ประโยชน์สูงที่สุดก็คือ แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือชาติอังกฤษ เพราะว่าทั้งคู่คนเป็นเพชรที่ผ่านการเจียระไนมาแล้ว

แล้วก็จะมีส่วนสำคัญต่อ “สิงโตขู่คำราม” ในศึกยูโร 2020 ตอนมิถานายนนี้ เตรียมตัวสำหรับในการดวลจุดลูกโทษ ในเกมนัดหมายชิงแชมป์หลายๆคนคงจะได้มองเห็นแล้วว่ามันเป็นแมตช์ที่มีความเครียดมากมายๆด้วยเหตุนี้ได้โอกาสเหลือกำเนิดที่ทั้งคู่กลุ่มบางทีอาจจะมานะเล่นแบบรัดกุม

ยิ่งการที่กลุ่มจากประเทศเดียวกันมาเจอะกันเอง ยิ่งรู้ไส้รู้พุงกันอย่างดีเยี่ยม เนื่องจากสู้กันเป็นประจำในลีก สำหรับเหตุผลนี้ก็เลยได้โอกาสเป็นได้สูงที่การวินิจฉัยแชมป์บางทีก็อาจจะยาวไปจนกระทั่งตอนฏีกาอย่างยิ่งจริงๆ และก็ในกรณีนี้ “สิงห์บลูส์” รู้เรื่องอย่างถ่องแท้

ด้วยเหตุว่าพวกเขาเคยผ่านประสบการณ์เข้าชิงแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 ครั้ง และก็ต้องหาแชมป์ด้วยการตะบันจุดลูกโทษ หนแรกเป็นการแพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในปี 2008 แล้วก็อีกทีชนะ บาเยิร์น มิวนิค ปี 2012 ส่วน แมนฯ ซิตี้ ยังไม่เคยได้สัมผัสบรรยากาศนัดหมายชิง

แม้กระนั้นเรื่องสถิติการยิงจุดลูกโทษของกลุ่มในช่วงฤดูกาลนี้ก็จัดว่าพอใช้ด้วยเหตุว่าพลาดเพียงแค่ 4 ครั้งจาก 11 จุดลูกโทษ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็เป็นเกมที่ดวลกับ เชลซี โดย อเกวโร่ มานะยิงจุดลูกโทษ “ขว้างเนนก้า” แม้กระนั้น เอดูอาร์ เมนดี้ ไม่หลงทางรับบอลเข้ามือแบบสบายอุรา

รวมทั้งกลุ่มก็แพ้ด้วยสกอร์ 1-2 ยิ่งการที่ได้มองเห็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดวลจุดลูกโทษยาวกับ บียาร์เรอัล ในนัดหมายชิง ยูโรปา ลีก ยิ่งทำให้ กวาร์ดิโอล่า จะต้องมีการสั่งย้ำผู้ร่วมทีมให้ฝึกซ้อมยิงจุดลูกโทษ ไม่เว้นแม้กระทั้ง เอแดร์ซอน ผู้เฝ้าประตู เพื่อเป็นการป้องกันและยังเป็นการไม่ให้กำเนิดข้อผิดพลาดดัง ดาบิด เด เคอา

ดูบอลสด

วัดกึ๋น “เป๊ป” VS ทูเคิ่ล นี่เป็นการเจอกันระหว่างสองคนสองคมในแวดวงลูกหนัง

โดยอีกทั้ง เป๊ป และก็ ทูเคิ่ล ต่างผ่านประสบการณ์โชกโชนสำหรับในการจับบังเหียน และก็ได้วัดความสามารถกันอยู่เป็นประจำยุคสถานที่ทำงานอยู่ในประเทศเยอรมนี ย้อนไปเมื่อ 7 ปีกลายทั้งคู่คนเคยได้โอกาสสนทนากันด้านในห้องอาหารแห่งหนึ่งที่นครมิวนิค

ซึ่งพวกเขาได้แลกแท็กติกลูกหนังกันอย่างบ้าคลั่งนานหลายชั่วโมง โดยใช้ขวดเกลือ กับพริกไทยเป็นเครื่องไม้เครื่องมือประกอบฉาก ลองคิดดูดูซิว่าอย่างนี้บริกรจะกล้าเข้าไปแทรกในวงพูดคุยหรือไม่ เรื่องประสบการณ์แล้วก็การบรรลุผลแน่ๆว่า ทูเคิ่ล ด้อยกว่า เป๊ป หลายขุม

เพราะเหตุว่าที่ปรึกษาชาวสแปนิช ได้แชมป์รายการใหญ่มาแล้วถึง 31 รายการ (แล้วก็ สแปนิช ซูเปอร์คัพ กับคอมมิวนิตี้ ชิลด์) ตลอด 13 ปีในอาชีพผู้ฝึกสอน แถมยังผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิส 3 ครั้งแม้กระนั้นนี่เป็นคราวแรกในรอบ 10 ปี กับคว้าชัยชนะได้ 2 ทีแรกในขณะที่อยู่กับบาร์เซโลน่า เดอบรอยน์นำกองทัพ

ในเวลาที่ ทูเคิ่ล เปลี่ยนเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลคนแรกซึ่งสามารถนำกลุ่มเข้าชิงชนะเลิดได้ต่อเนื่องกันจากสองสมาคม โดยฤดูก่อนหน้านี้พวกเขาอดยกโทรฟี้ “บิ๊กเอียร์” เพราะพ่ายให้กับ บาเยิร์ส มิวนิค อย่างโชคร้าย เรื่องของมันสมองสำหรับการวางหมากจำเป็นต้องพูดว่า ทูเคิ่ล มีสถิติด้อยกว่า เป๊ป

เนื่องจาก 7 ครั้งที่ผ่านมา นายใหญ่เลือดกระทิงดุ ชนะ 4 ครั้ง , ส่วน ที่ปรึกษาชาวเยอรมัน ชนะ 2 ครั้ง , เสมอ 1 ครั้ง โดยชัยของ เป๊ป เกิดขึ้นในเยอรมันทั้งสิ้น ส่วน ทูเคิ่ล จัดแจงดับซ่า เป๊ป 2 ครั้งหน้าสุดมันก็คือตอนที่เขาเข้ามาคุม เชลซี

โดยสามารถเขี่ย แมนฯ ซิตี้ ไม่เข้ารอบรองชนะเลิศ ศึกเอฟเอ คัพ แล้วก็ในเกมพรีเมียร์ลีก ที่กลับเหตุการณ์แซงชนะไปได้อย่างยอดเยี่ยม งานนี้บอกเลยว่าทั้งคู่คนค่อนจะรู้ไส้รู้พุงกันอย่างยิ่งจริงๆ ด้วยเหตุนั้นถ้าหากผู้ใดผู้หนึ่ง

Share:

Author: admins